ร่างกายกับจิตใจนั้นเป็นสิ่งสำพันธ์กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ การดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรงนั้น จะส่งผลให้เรามีสุขภาพดี ในทางกลับกันหากสุขภาพจิตของเราถดถอยก็ย่อมส่งผลต่อร่างกายที่จะย่ำแย่ลงได้ด้วยเช่นกัน
ฉะนั้นการดูแลร่างกายให้ดีนั้นนอกจากการไปออกกำลังกายให้แข็งแรงแล้ว การดูแลร่างกายด้วยการผ่อนคลายที่ทำควบคู่ไปนั้นก็มีความจำเป็นไม่น้อย เมื่อร่างกายสบาย จิตใจก็ย่อมสบายไปด้วย วันนี้เราเลยอยากชวนมาผ่อนคลายร่างกายด้วยธรรมชาติบำบัด ที่จะให้ประโยชน์ทั้งทางร่างกายและจิตใจอีกด้วย ธรรมชาติบำบัดที่เราจะชวนไปคือ น้ำพุร้อนและวารีบำบัด นั้นเอง
น้ำพุร้อนตามธรรมชาตินั้นเกิดจากน้ำที่ซึมผ่านชั้นของดินและหินที่มีแร่ธาตุต่างๆสะสมอยู่มากมาย ซึ่งแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเช่น โซเดียม แคลเซียม ฟลูออไรด์ โปรแตสเซียม เป็นต้น ซึ่งน้ำแร่ชนิดร้อนที่เหมาะมากับการแช่นั้น ควรมีอุณหภูมิตั้งแต่ 42 องศาเซลเซียสขึ้นไป ที่เรียกว่า น้ำพุร้อน (Natural Hot spring) นั้นเอง ซึ่งในเมืองไทยนั้นมีแหล่งน้ำพุร้อนกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 112 แห่ง
ประโยชน์ของน้ำพุร้อน
1. ทำให้ร่างกายผ่อนคลายลดความเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ
2. สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดกระดูกได้
3. ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้น
4. ช่วยให้การดูดซึมและแลกเปลี่ยนออกซิเจนในร่างกายดีขึ้น
5. ระบบไหลเวียนเลือดที่ดีสามารถทำให้ร่างกายเผาผลาญและทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
6. ช่วยขับสิ่งอุดตันที่อยู่ตามใต้ผิวหนังและรูขุมขนต่างๆ
7. มีแร่ธาตุบำรุงผิวพรรณให้สดใส มีน้ำมีนวลขึ้น
ขั้นตอนและวิธีในการอาบน้ำแร่แช่น้ำพุร้อน
1. เราควรทราบข้อมูลว่าน้ำพุที่เราจะแช่นั้นมีอุณหภูมิประมาณเท่าไหร่
2. ชำระล้างทำความสะอาดร่างกายก่อนลงแช่น้ำพุร้อน
3. เมื่อถึงบ่อน้ำร้อนให้ลองเอามือสัมผัสดูความร้อนของน้ำก่อนลงแช่เพื่อให้ร่างกายปรับความรู้สึกเบื้องต้น
4. สำหรับผู้ที่ลงบ่อน้ำพุร้อนครั้งแรก
(หรือไม่ค่อยได้แช่น้ำร้อนบ่อยนัก)ไม่ควรลงแช่น้ำในทันที แต่ควรนำน้ำในบ่อมาลูบหรือชโลมตัวก่อนเสร็จแล้วค่อยๆหย่อนเท้าลงไป และหย่อนตัวลงไปอย่างช้าๆ
(หรือไม่ค่อยได้แช่น้ำร้อนบ่อยนัก)ไม่ควรลงแช่น้ำในทันที แต่ควรนำน้ำในบ่อมาลูบหรือชโลมตัวก่อนเสร็จแล้วค่อยๆหย่อนเท้าลงไป และหย่อนตัวลงไปอย่างช้าๆ
5. ลงน้ำชาน้ำร้อนทั้งตัวประมาณ 8 - 10 นาที
6. ขึ้นมาพักประมาณ 5 - 10 นาที
7.ลงชาน้ำร้อนอีกครั้งประมาณ 8 - 10 นาที
8. ขึ้นมาพักร่างกายอีกครั้งสักพักก่อนที่จะชำระล้างร่างกาย
หมายเหตุ
การแช่น้ำพุร้อนนานเกินไปนั้นอาจเป็นผลเสียต่อร่างกาย ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เราหน้ามืดโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโรหิตสูง โรคหอบหืด ไม่ควรแช่น้ำพุนานเกิน 10 นาที และควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อน
Tips
หากเราแช่บ่อน้ำพุร้อนที่มีความสะอาดและได้มาตรฐานนั้น เมื่อแช่เสร็จเราไม่จำเป็นต้องไปชำระร่างกายอีกครั้ง (ตามความสะดวก) หลังจากแช่น้ำแร่ควรทิ้งไว้ราว 6 - 7 ชั่วโมง ในแร่ธาตุต่างๆ สามารถซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างดี