ในช่วงชีวิตหนึ่ง เกือบจะทุกคนคงต้องเคยประสบกับอาการเหงากันมาบ้างแล้ว แต่อาการเหงาที่ยืดเยื้อยาวนานเป็นสิ่งที่เป็นพิษต่อสุขภาพ แถมนักวิจัยของ UCLA แปดคนรายงานว่าคนขี้เหงาจะอยู่ภายใต้ความเสี่ยงของโรคอักเสบหลายๆ โรคอีกด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีรายงานฉบับใหม่ออกมาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งตีพิมพ์ใน Psychology and Aging เจอร์นัล โดยเป็นการศึกษาที่ค้นพบความเชื่อมโยงกันระหว่างโรคเหงาเรื้อรังและสัญญาณของการแก่ชราที่เร็วขึ้น และความดันเลือดสูง
เอาล่ะ เราก็ตระหนักกันดีแล้วว่าความเหงาเรื้อรังมันส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราทั้งร่างกายและจิตใจแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรโลกใบนี้ก็ยังเป็นสถานที่ที่เงียบเหงาสำหรับคนกลุ่มใหญ่อยู่ดี Britain's Mental Health Foundation รายงานว่าคนอังกฤษมากกว่าร้อยละ 53 กำลังรู้สึกหดหู่เพราะว่าพวกเขาต้องเผชิญกับความรู้สึกเหงา และเรื่องนี้ไม่ได้เกิดแค่ในประเทศอังกฤษเท่านั้น แต่ ABC News ก็ยังรายงานเมื่อต้นเดือนว่าประเทศญี่ปุ่นก็กำลังประสบกับ "วิกฤติแห่งชาติ" เหมือนกัน และวิกฤติที่ว่าก็คือโรคเหงา โดยมีสาเหตุมาจากอายุขัยที่ยาวขึ้น
ในเมื่อทั้งเกาะอังกฤษและญี่ปุ่นประสบปัญหานี้แล้ว มีหรือที่อเมริกันชนที่ขึ้นแท่นเป็นโรคนั่นโรคนี่อยู่ตลอดจะไม่ติดอันดับด้วย นิตยสาร Newsweek รายงานว่าในปัจจุบันนี้ คนอเมริกันประสบปัญหาภาวะเหงารุนแรงกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้วถึงสามเท่า
เราก็รู้ถึงข้อเสียของความเหงาและสถานการณ์เหงาในหลายๆ ทวีปไปแล้ว ตอนนี้มาถึงคำถามว่า แล้วคุณอยากจะรู้สึกเหงาให้น้อยลงหรือเปล่า
John Cacioppo, Ph.D., ผู้แต่งหนังสือ Human Nature and the Need for Social Connectionอธิบายไว้ใน Psychology Today ว่า มีขั้นตอนทั้งหมด 4 ขั้นตอนที่สามารถทำได้ เพื่อหยุดวงจรความเหงานี้ลงเสีย
ขั้นตอนทั้ง 4 ที่กล่าวมา มีชื่อภาษาอังกฤษย่อๆ ว่า E.A.S.E ซึ่งเป็นตัวย่อมาจากคำว่า extend yourself, action plan, selection และ expect the best
ขั้นตอนที่ 1 - เปิดกว้างสู่โลกภายนอก
กุญแจสำคัญก็คือการใช้ความพยายามที่จะก้าวออกจากพื้นที่ที่คุณคุ้นเคย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลยถ้าหากคุณกำลังรู้สึกเหงาอยู่ Cacioppo แนะนำว่าให้เข้าร่วมกิจกรรมการกุศลหรือลองเป็นอาสาสมัครไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ และนำตัวเองไปสู่สิ่งแวดล้อมทางสังคมใหม่ด้วย
ขั้นตอนที่ 2 - วางแผนลงมือทำ
อย่าคิดว่าตัวเองจะล้มเหลว ให้ลองพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาว่าจุดแข็งของคุณคืออะไร และดูว่าคุณจะเจียดเวลาไปเข้าสังคมได้มากน้อยแค่ไหน โดยที่กิจกรรมเข้าสังคมนั้นจะต้องเพิ่มคุณภาพให้กับชีวิตของคุณ และไม่ทำให้คุณเครียดกว่าเดิม ตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นก็คือ ถ้าคุณเป้นคนขี้อาย ก็ควรจะเลือกงานที่ต้องอยู่กับสัตว์ ลองวางแผนและพยายามควบคุมตัวเองให้ได้
ขั้นตอนที่ 3 - การคัดเลือก
การคัดเลือกคนที่จะเข้ามาอยู่ในแวดวงสังคมของคุณเป็นเรื่องที่สำคัญมากเหมือนกัน คนที่มีเพื่อนมากมายห้อมล้อมอยู่รอบตัวก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลคนนั้นจะปลอดภัยจากอาการเหงา เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญก็คือคุณจะต้องหาคนที่มีคุณภาพที่มีความสนใจเหมือนๆ กันให้มาอยู่รอบตัวคุณ ด้วยการลองไปที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของตัวเอง
ขั้นตอนที่ 1 - เปิดกว้างสู่โลกภายนอก
กุญแจสำคัญก็คือการใช้ความพยายามที่จะก้าวออกจากพื้นที่ที่คุณคุ้นเคย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลยถ้าหากคุณกำลังรู้สึกเหงาอยู่ Cacioppo แนะนำว่าให้เข้าร่วมกิจกรรมการกุศลหรือลองเป็นอาสาสมัครไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ และนำตัวเองไปสู่สิ่งแวดล้อมทางสังคมใหม่ด้วย
ขั้นตอนที่ 2 - วางแผนลงมือทำ
อย่าคิดว่าตัวเองจะล้มเหลว ให้ลองพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาว่าจุดแข็งของคุณคืออะไร และดูว่าคุณจะเจียดเวลาไปเข้าสังคมได้มากน้อยแค่ไหน โดยที่กิจกรรมเข้าสังคมนั้นจะต้องเพิ่มคุณภาพให้กับชีวิตของคุณ และไม่ทำให้คุณเครียดกว่าเดิม ตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นก็คือ ถ้าคุณเป้นคนขี้อาย ก็ควรจะเลือกงานที่ต้องอยู่กับสัตว์ ลองวางแผนและพยายามควบคุมตัวเองให้ได้
ขั้นตอนที่ 3 - การคัดเลือก
การคัดเลือกคนที่จะเข้ามาอยู่ในแวดวงสังคมของคุณเป็นเรื่องที่สำคัญมากเหมือนกัน คนที่มีเพื่อนมากมายห้อมล้อมอยู่รอบตัวก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลคนนั้นจะปลอดภัยจากอาการเหงา เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญก็คือคุณจะต้องหาคนที่มีคุณภาพที่มีความสนใจเหมือนๆ กันให้มาอยู่รอบตัวคุณ ด้วยการลองไปที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของตัวเอง
ขั้นตอนที่ 4 - คาดหวังสิ่งที่ดีที่สุด
เริ่มคิดในแง่บวกมากขึ้น เพราะการมองโลกในแง่ดีจะเป็นตัวดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาหาเรา และจะช่วยทำให้การเข้าสังคมของเราแข็งแรงขึ้น เมื่อคุณกลายเป็นคนที่เปิดกว้างและคิดในแง่บวกเกี่ยวกับคนและสถานการณ์ต่างๆ แล้ว ทัศนคติและการมองอาการเหงาของคุณก็จะเปลี่ยนไปด้วย
เริ่มคิดในแง่บวกมากขึ้น เพราะการมองโลกในแง่ดีจะเป็นตัวดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาหาเรา และจะช่วยทำให้การเข้าสังคมของเราแข็งแรงขึ้น เมื่อคุณกลายเป็นคนที่เปิดกว้างและคิดในแง่บวกเกี่ยวกับคนและสถานการณ์ต่างๆ แล้ว ทัศนคติและการมองอาการเหงาของคุณก็จะเปลี่ยนไปด้วย
ถ้าทำได้ตาม 4 ขั้นตอนที่ว่า คุณก็คงสามารถพิชิตอาการเหงาได้อย่างเด็ดขาด และแม้ว่าคุณจะต้องอยู่คนเดียว ไม่มีดินเนอร์ใต้แสงเทียนหรือดอกกุหลาบหรูๆ เว่อร์ๆ ในวันวาเลนไทน์ คุณก็คงจะรู้สึกสบายๆ กับมัน และมองหาข้อดีในการอยู่คนเดียวได้ เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ความรักตัวเองนี่แหละเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด